คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเปลี่ยนแปลง โครงการเราชนะ ดังนี้
1) ขยายกลุ่มเป้าหมายจาก 31.1 ล้านคน กรอบวงเงิน ไม่เกิน 210,200 ล้านบาท เป็นกลุ่มเป้าหมายประมาณ 33.5 ล้านคน กรอบวงเงินไม่เกิน 213,242 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3,042 ล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติวงเงินสำหรับ 31.1 ล้านคน แต่เมื่อลงทะเบียนจริง มีผู้มีคุณสมบัติรับสิทธิสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คาดว่าจะมีผู้รับสิทธิได้รวม 33.5 ล้านคน ก.คลังจึงต้องขออนุมัติงบฯ เพิ่มเติมให้ครอบคลุมกับจำนวนที่เพิ่มขึ้น
2) ขยายระยะเวลาใช้จ่ายจากเดิมไม่เกินวันที่ 31 พ.ค.64 เป็นไม่เกินวันที่ 30 มิ.ย.64 เพื่อบรรเทาผลกระทบกรณีประชาชนไม่สามารถเดินทางออกไปใช้จ่ายในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่
และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบแนวทางจัดการเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับผลการทบทวนสิทธิ์ที่อาจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง และการกำหนดกรอบระยะเวลารับเรื่องร้องเรียนกรณีดังกล่าว โดยให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนภายในวันที่ 13 พ.ค.64 กรณี ก.คลังได้รับเบาะแสเรื่องการทุจริตของประชาชนหรือผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการเราชนะ เช่น แลกวงเงินสิทธิ์เป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรมฯ ซึ่ง ก.คลังได้ประสานขอความร่วมมือ ก.พาณิชย์ สตช.และหน่วยงานที่เกี่ยวติดตามและตรวจสอบ หากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ของร้านค้าและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมสามารถแจ้งเบาะแสรวมถึงส่งหลักฐานการกระทำผิดส่งไปรษณีย์มาที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ถนนพระรามที่ 6 แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 หรือทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-Mail): wewin@fpo.go.th
เครดิตจาก………….สวท.มุกดาหาร
เล่าข่าวชาวมุกดาหาร รายงาน………
410 total views, 2 views today
Facebook Comments